MESSAGE

ชีวิตจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง

NLP Coaching Association Pte. Ltd.
Managing Director
NLP Master Trainer, Master Coach

Chinatsu Yamazaki

หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ดิฉันได้เริ่มทำงานที่ธนาคารสุมิโตโมและเริ่มต้นเส้นทางอาชีพทางด้านการเงิน ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในรากฐานของ Chinatsu NLP จนถึงทุกวันนี้ หลังจากที่ทำงานที่นั่นเป็นเวลา 4ปีเต็ม ดิฉันได้ตัดสินใจลาออกถึงแม้ว่าจะถูกคัดค้านจากพ่อแม่ก็ตาม หลังจากนั้นดิฉันได้เดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียที่ที่ซึ่งมีความตรงกันข้ามกับสังคมญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ซึ่งในสังคมญี่ปุ่นจะมีคำกล่าวที่ว่า "เสาที่ยื่นออกมาจะถูกตอกกลับลงไป (ความหมายคือใครที่แตกต่างจากคนอื่นมักจะถูกมองว่าแปลกแยก)" ซึ่งจากประสบการณ์การใช้ชีวิตในออสเตรเลีย ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการเป็นตัวของตัวเอง และคุณค่าของอัตลักษณ์ การเดินทางในครั้งนั้นช่วยมอบสิ่งที่มีค่ามากกว่าการเรียนภาษา ซิดนีย์จึงกลายเป็นสถานที่ที่สอนฉันถึงการ "เป็นตัวของตัวเอง" เป็นครั้งแรก
หลังจากกลับมาจากการเรียนภาษาที่ต่างประเทศเป็นเวลา 1ปี ดิฉันได้เข้าทำงานที่สำนักข่าวรอยเตอร์ โดยรับผิดชอบในส่วนของการส่งข้อมูลตลาด ในระหว่างนั้นดิฉันได้รับการติดต่อจากบริษัทเฮดฮันท์โดยกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สัญชาติอังกฤษ และดิฉันได้เปลี่ยนงาน โดยในงานใหม่นี้ทำให้ดิฉันได้รู้จักกับเซบาสเตียน หนุ่มชาวแคนาดาที่กำลังศึกษา NLP และเซบาสเตียนก็มีแผนที่จะเริ่มธุรกิจการเงินในกรุงเทพฯ ประเทศไทย และเขาได้เดินทางจากกรุงเทพฯ มายังโตเกียวเพื่อชวนฉันเข้าร่วมในฐานะหุ้นส่วนธุรกิจ อย่างไรก็ตามดิฉันได้ปฏิเสธข้อเสนอในครั้งแรกไปเพราะยังไม่อยากทิ้งอาชีพ รายได้ และไลฟ์สไตล์ในตอนนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดิฉันก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานที่หนักมากเกินไป จนกระทั่งในปี 2009 ดิฉันตัดสินใจลาออก และออกเดินทางไปยังที่ต่างๆเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อฟื้นฟูสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ

ในระหว่างการเดินทาง ดิฉันได้รับการติดต่อจากเซบาสเตียนอีกครั้ง และได้แวะมาหาเขาที่กรุงเทพฯ ซึ่งที่นั่นดิฉันได้เห็นบริษัทที่เขาเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเป็นการผสานระหว่างการโค้ชชิ่งกับการเงิน โดยให้บริการที่ชื่อว่า "Life Plan" ซึ่งเป็นการให้คำปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากที่ดิฉันได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปที่จัดขึ้นในบริษัทนั้น ดิฉันก็รู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณเลยว่า “นี่มันน่าสนใจมาก! การที่ได้ทำงานต่างประเทศไปพร้อมๆกับการได้เดินทาง น่าจะเป็นชีวิตที่ยอดเยี่ยม!” ทันทีที่คิดแบบนั้น ดิฉันก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าคอนโดและเริ่มต้นอาชีพในกรุงเทพฯ จากการเริ่มต้นสร้างฐานลูกค้าจากศูนย์ที่ดิฉันไม่มีเครือข่ายคนที่รู้จักใดๆเลย ดิฉันได้สร้างฐานที่มั่นในประเทศไทยได้สำเร็จ และได้ดำเนินธุรกิจที่เน้นด้านการเงินไปพร้อมกัน ในขณะเดียวกันดิฉันก็เริ่มช่วยงานเซบาสเตียนในสัมมนา NLP ของเขา และในที่สุดฉันก็ได้เริ่มทำงานเป็นล่ามประจำสำหรับผู้เข้าร่วมชาวญี่ปุ่นที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ดิฉันยังได้รับคำขอจากโอกินาว่าให้จัดสัมมนาเป็นภาษาญี่ปุ่นสำหรับชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ และนั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้แปลเนื้อหาจากเอกสารภาษาอังกฤษทั้งหมดและได้ทำหน้าที่ล่ามด้วย

biography

เมื่อดิฉันเริ่มมีความคิดว่า "ตัวเราเองก็สามารถสอนได้เหมือนกันนี่นา" ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเซบาสเตียนก็ได้เสนอกับดิฉันว่า "แทนที่จะทำหน้าที่เป็นล่าม ทำไมไม่ลองสอนหลักสูตร NLPสำหรับชาวญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยตรงเลยล่ะ" ดิฉันจึงเริ่มต้นการฝึกอบรมเพื่อเป็นผู้ฝึกสอน NLP ที่ได้รับการรับรองจาก The American Board of NLP (ABNLP) ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นในกรุงเทพฯของดิฉันจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ทว่าในเดือนมีนาคม 2013 หนึ่งในบริษัทคู่ค้าของดิฉันเกิดล้มละลาย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ดิฉันที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตต้องร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในทันที

ธุรกิจที่เคยดำเนินไปได้อย่างราบรื่นกลับไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันข้อร้องเรียนจากลูกค้าก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ในตอนนั้นดิฉันกลัวการที่จะเปิดอีเมลหรือแม้แต่การรับโทรศัพท์ ดิฉันไม่สามารถเชื่อใจอะไรใครได้อีกต่อไป ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ ดิฉันสูญเสียทั้งอาชีพ ชื่อเสียง สุขภาพ และแม้กระทั่งเงินทุนของตัวเอง ดิฉันได้สัมผัสถึงการพังทลายของในตัวตนของตัวเอง ดิฉันได้มองย้อนกลับไปในตอนนั้นว่า “นี่เรารู้สึกถึงการสูญเสียอัตลักษณ์ของตัวเองมากจนกระทั่งคิดว่าจะจบชีวิตของตัวเองไปเสียได้ก็ดี” และในเดือนกันยายนในปีเดียวกันนั้น ดิฉันได้ติดเชื้อไข้เลือดออก ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจทรุดหนักลง คุณหมอที่ดูแลดิฉันบอกว่า “ผมไม่สามารถรับรองได้นะว่าคุณจะรอดชีวิตหรือเปล่า” ดิฉันถึงกับคิดไปว่า “ก็ในเมื่อฉันสูญเสียทุกสิ่งไปแล้ว การตายอาจจะดีกว่าก็ได้

แต่ก็มีสิ่งที่คอยสนับสนุนดิฉันทั้งในด้านการเงิน ร่างกาย และจิตใจในช่วงเวลานั้น นั่นคือเพื่อนๆของดิฉันที่กรุงเทพฯ และเซบาสเตียน หุ้นส่วนธุรกิจของดิฉัน เขาเป็นคนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ดิฉันพร้อมกับพูดว่า “ชีวิตของคุณสำคัญกว่าทุกสิ่ง ไม่มีอะไรจะมาเทียบได้ ถ้าผมอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ผมมั่นใจว่าคุณก็จะทำเหมือนกันกับที่ผมทำ” ดิฉันค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น แต่ในช่วงแรกนั้นการยืนเพียงแค่ 10นาทีต่อวันก็ถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากแล้ว การฟื้นฟูร่างกายของดิฉันจนกลับมาดีได้ถึง 80% นั้นต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม เมื่อดิฉันเริ่มกลับมาค้นพบตัวเองอีกครั้ง เซบาสเตียนก็เข้ามาแนะนำว่า “ในเมื่อคุณผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาได้แล้ว คุณจะต้องกลายเป็นโค้ชที่ดีที่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้แน่นอน ทำไมคุณไม่ลองจริงจังกับการเป็นโค้ชและเทรนเนอร์ NLP มืออาชีพดูบ้างล่ะ?” ที่ผ่านมาดิฉันได้เผชิญกับคำพูดด้านลบมากมาย ได้สัมผัสกับกระบวนการที่ทำให้คนจมดิ่งสู่จุดต่ำสุด และได้เรียนรู้ว่าจะลุกกลับขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร กระบวนการที่ทำให้เกิดบาดแผลทางใจและการฟื้นฟู ดิฉันได้ประสบกับตนเองมาทั้งหมด นั่นทำให้ดิฉันคิดว่า “เราคงไม่สามารถกลับไปทำงานด้านการเงินได้อีกต่อไปแล้วล่ะ แต่ NLP นี่สิคือโอกาสเดียวของฉัน ฉันอยากช่วยคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันและฉันอยากทำงานที่มีคุณค่าให้กับสังคม เพื่อจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง” ดิฉันจึงตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นกับ NLP อย่างเต็มที่

ในปี 2015 ดิฉันได้ก่อตั้งบริษัท NLP Coaching Association ที่ประเทศสิงคโปร์และเริ่มทำงานอิสระไปพร้อมกัน ในปี 2020 ดิฉันได้สำเร็จหลักสูตร 5 ปีของโปรแกรมมาสเตอร์เทรนเนอร์จาก The American Board of NLP (ABNLP) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ยากที่สุดในวงการ NLP และกลายเป็นหนึ่งในมาสเตอร์เทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรองจาก The American Board of NLP (ABNLP) ซึ่งในขณะนั้นมีเพียงแค่ 25 คนเท่านั้นจากทั่วโลก(ข้อมูล ณ ปี 2022) ในปัจจุบันลูกค้าของดิฉันมาจาก 28 ประเทศทั่วโลก และทำงานในระดับสากลอย่างแท้จริง

ดิฉันสามารถสอน NLPได้ในหลากหลายด้าน แต่ด้านที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษคือ:

  • - การโค้ชชิ่งเพื่อให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และทำในสิ่งที่ต้องการ
  • - การวางแผนชีวิตโดยอาศัยประสบการณ์จากอาชีพด้านการเงิน
  • - การโค้ชชิ่งทางธุรกิจ เช่น การเจรจา การนำเสนอที่มีอิทธิพล และทักษะการขาย
  • - NLP ในระดับสากลที่สามารถใช้ได้ในเวทีโลก
  • - การโค้ชชิ่งผู้บริหารสำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในระดับผู้จัดการขึ้นไป

เป้าหมายสูงสุดของดิฉันคือ การได้ช่วยให้ผู้คน "ให้สามารถนำเสนอชีวิตของตนเอง" ได้ทำสิ่งที่อยากทำและใช้ชีวิตโดยไม่ต้องเสียใจในภายหลัง ในช่วงเวลาว่างดิฉันชอบพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ เช่น ชายหาดหรือสวน เพื่อผ่อนคลายประสาทสัมผัสทั้งห้า และรีเซ็ตทั้งร่างกายและจิตใจ

ข้อความจาก Chinatsu Yamazaki

  • instagram
  • note
  • Ameblo